การเรียนรู้และเข้าใจคำว่า ไวน์โลกเก่า ไวน์โลกใหม่ เปรียบเสมือน เป็นประตูบานแรก สู่โลกของไวน์ที่ล้ำลึก ไปอีกระดับ

ไวน์โลกเก่า OLD WORLD WINES
ไวน์โลกเก่า หมายถึง ไวน์ที่ถูกผลิตขึ้นในประเทศแถบทวีปยุโรป เช่น ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, สเปน, โปรตุเกส, ออสเตรีย, ฮังการี, โรมาเนีย ประเทศเหล่านี้ ทำการผลิตไวน์มาตั้งแต่อดีต มีประวัติและกรรมวิธีที่สืบทอดกันมายาวนานจนถึงปัจจุบัน ยึดถือประเพณีการทำไวน์แบบดั้งเดิมอยู่ นับเป็นเวลา เกินกว่า 500-600 ปี
นอกจากนี้ ยังมีกฎระเบียบจากทางราชการ ค่อนข้างจะเคร่งครัด ทำให้ผู้ผลิตไวน์เหล่านี้ ล้วนเป็นผู้ที่มีประสบการณ์สูง และต้องมีความรู้เป็นอย่างดี ในเรื่องพันธุ์องุ่นที่ใช้ผลิตไวน์, การปลูกองุ่น, การคัดเลือกผลผลิต, การหมัก, การบ่ม, และกลิ่นรสของไวน์
ไวน์โลกเก่า โดยส่วนใหญ่นั้น จะค่อนข้างยึดติดอยู่กับหลักการดั่งเดิม จนเกิดเป็นประเพณี ที่สืบทอดรุ่นต่อรุ่น (Tradition) มักจะมีการทำไวน์ด้วยกรรมวิธีเก่า ๆ มีสไตล์ของไวน์เดิม ๆ คงรูปแบบรส และกลิ่นที่คุ้นเคยเอาไว้ ไวน์ของพื้นที่ไหน เคยทำไวน์รูปแบบใด ก็ทำแบบเดิมเรื่อย ๆ จนเกิดเป็นเอกลักษณ์ของไวน์แต่ละตัว
อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตไวน์โลกเก่า เริ่มมีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาใช้ในการคัดเลือกองุ่น และผสมข้ามพันธุ์ เพื่อหาพันธุ์องุ่นชนิดใหม่ ที่มีคุณสมบัติตามต้องการ โดยอาศัยการเก็บข้อมูลสถิติต่าง ๆ เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อคุณภาพองุ่น เช่น อิทธิพลของสภาพภูมิประเทศ องค์ประกอบของดิน สภาพภูมิอากาศ ในขณะที่กรรมวิธีในการผลิตไวน์ก็มีการศึกษาอย่างลึกซึ้งมากขึ้น เช่น ถังไม้โอ๊คที่ใช้ในการหมักและบ่ม ทำให้ได้ผลผลิตไวน์ที่มีมาตรฐานชัดเจนมากขึ้น
ไวน์โลกใหม่ NEW WORLD WINES
ไวน์โลกใหม่ หมายถึง ไวน์ที่ผลิตในประเทศนอกทวีปยุโรป หรือ พื้นที่ที่เพิ่งริเริ่มทำการผลิตไวน์ ประมาณไม่เกิน 500 ปี เช่น สหรัฐอเมริกา, แคนาดา, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, ชิลี, อาร์เจนตินา, แอฟริกาใต้, อิสราเอล, ญี่ปุ่น, จีน, อินเดีย, และไทย เป็นต้น
มีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น ทั้งการปลูกองุ่น และการผลิตไวน์
โดยองุ่นที่ใช้นั้น มาจากยุโรปเป็นส่วนใหญ่ โดยมีการทดลองหาพันธุ์องุ่น มาผสมกันควบคู่กันไปด้วย จนกลายเป็นสายพันธุ์ใหม่ ๆ ที่ทนทานสภาพดินฟ้าอากาศ และภูมิประเทศต่าง ๆ เพิ่มความต้านทานโรคและแมลงให้สูงขึ้น หลังจากนำองุ่นที่ถูกดัดแปลงสายพันธุ์ มาผ่านกรรมวิธีการบ่มและหมักแล้ว ไวน์ที่ได้จะมีสี กลิ่น รส เทียบเท่า หรือ ดีกว่า ไวน์ที่ผลิตจากองุ่นในแหล่งกำเนิดเดิมจากยุโรป
เมื่อเทียบกับไวน์โลกเก่า ส่วนใหญ่ไวน์โลกใหม่ จะมีคุณภาพปานกลางหรือต่ำกว่า เน้นไปที่การนำนวัตกรรม (Innovation) ใหม่ ๆ มาใช้ในกรรมวิธีผลิตไวน์ มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา มุ่งเน้นไปที่ความรวดเร็วและกำลังการผลิต เพื่อป้อนผลิตภัณฑ์ไวน์เข้าสู่ตลาด ตามความต้องการของผู้บริโภค ดังนั้นไวน์โลกใหม่ในแต่ละพื้นที่ จึงมีการปลูกองุ่นหลากหลายพันธุ์ และผลิตไวน์ได้เกือบทุกชนิด
ความแตกต่าง ระหว่าง
"ไวน์โลกเก่า" และ "ไวน์โลกใหม่"
การจะบอกความแตกต่างในด้านคุณภาพของ ไวน์โลกเก่า และไวน์โลกใหม่ นั้น ทำได้ยาก เพราะสี กลิ่น รส ของไวน์มีความใกล้เคียงกันมาก ยกเว้นแต่ผู้มีประสบการณ์ในด้านการดื่มไวน์ ที่จะสามารถบอกความแตกต่าง จากความเข้มข้นของกลิ่นที่ผสมผสานระหว่างองุ่น และไม้โอ๊คได้
🍷 ไวน์โลกเก่า
ที่ผ่านการการันตีคุณภาพจากกฎระเบียบข้อบังคับ จะมีรสชาติที่ซับซ้อน เนื่องจากมีรสธรรมชาติหรือเเร่ธาตุอยู่ด้วย แต่โดยรวมแล้ว จะมีบอดี้ที่เบากว่า ปริมาณแอลกอฮอลล์ที่ต่ำกว่า ให้รสชาติเปรี้ยวกว่า และจะไม่ฟรุตตี้เท่าไรนัก มีราคาที่สูงกว่า
🍷 ไวน์โลกใหม่
มักจะมีบอดี้ที่เเน่นกว่า รู้สึกเต็มปากเต็มคำ เกิดรสชาติของผลไม้อบอวล หอมในปากมากกว่า แทรกด้วยความหวานนิด ๆ ไม่เปรี้ยว ดื่มง่ายสำหรับคอไวน์รุ่นใหม่ ๆ ราคาจะไม่แพงเมื่อเทียบกับไวน์โลกเก่า
อย่างไรก็ตาม เรื่องรสชาตินั้น เป็นเรื่องของความชอบ และรสนิยม ของแต่ละบุคคล
ดังนั้น อยากให้ทุกคนเปิดใจท่องไปในโลกของไวน์ และค้นหาไวน์ที่เหมาะกับตัวเองอย่างมีความสุขครับ 🙂
