Menu Close

Bordeaux Wine ทำไมถึงเป็นระดับโลก

Bordeaux Wine ถือได้ว่าเป็นไวน์ระดับ Top ของโลก และขึ้นชื่อเรื่องไวน์แดงที่เป็นที่นิยม และถูกยกย่องว่าเป็นแหล่งของไวน์แดงที่ดีและแพงที่สุดในโลก เพราะมีรสชาติที่กลมกล่อม หอมหวานตามสไตล์ ซึ่งไวน์ขาวก็มีชื่อเสียงไม่แพ้กัน ด้วยเอกลักษณ์ที่มาจากพันธุ์องุ่นชั้นเยี่ยมที่สามารถปลูกและเติบโตได้อย่างดีในเมือง Bordeaux และการปลูกไร่องุ่นยังคงเป็นการปลูกแบบดั้งเดิม จึงทำให้เมือง Bordeaux นั้นได้เป็นหนึ่งในมรดกจาก UNESCO อีกด้วย

Bordeaux Wine ทำไมดัง

บอร์กโดซ์ผลิตไวน์ชั้นดีมานานหลายศตวรรษ และถือเป็นเมืองที่มีประสบการณ์มาโดยตลอด ไม่เพียงแต่สามารถปรับตัวได้ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า แต่ยังมีอิทธิพลต่อโลกใหม่อย่างมาก จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ไวน์บอร์โดซ์มีคุณภาพจนเป็นระดับโลกได้

เหตุผลที่สองที่ไวน์บอร์โดซ์ถือได้ว่าเป็นไวน์ที่ดีที่สุดก็คือสภาพอากาศ แท้จริงแล้วบอร์กโดซ์มักถูกมองว่าเป็นประเทศแห่งไวน์ที่สมบูรณ์แบบ. อย่างไรก็ตาม ถ้าพิจารณาดูแล้ว มันก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบเท่าที่ควร ที่จริงแล้วบอร์กโดซ์ตั้งอยู่ในสภาพอากาศในมหาสมุทรที่มีเขตอบอุ่น และมีความชื้นสูง ทำให้มีป่าและเนินทรายคอยปกป้องไร่องุ่นจากพายุ และดินของบอร์ดโดซ์เข้ากันได้อย่างลงตัวกับ Merlot และ Cabernet Sauvignon ซึ่งเป็นดินที่หายาก ดินเหนียวมีความสามารถในการกักเก็บน้ำได้สูง (ซึ่งมีประโยชน์ในช่วงฤดูแล้ง) 

อย่างไรก็ตาม ดินเหล่านี้เป็นดินที่หนักและเย็น ดังนั้นองุ่นพันธุ์ที่สุกเร็วจึงเหมาะสมกว่า ซึ่งทำให้เหมาะสำหรับ Merlot ดินเหล่านี้ให้ไวน์ที่มีเนื้อและทรงพลัง และ Cabernet Sauvignon ที่เป็นการผสมผสานระหว่าง Cabernet Franc และ Sauvignon Blanc เกิดขึ้นที่เมืองบอร์กโดซ์ ที่เหมาะกับดินเหนียวสีน้ำเงิน

โดยเฉพาะบริเวณ Pomerol ฝั่งซ้ายมีดินลูกรังเป็นหลัก เป็นส่วนผสมของกรวด ทราย และดินเหนียว Garonne และ Dordogne เป็นคนนำก้อนกรวดมา ดินเหล่านี้จะดูดซับและส่งผ่านความร้อน ซึ่งเหมาะสำหรับองุ่นพันธุ์ Cabernet Sauvignon ที่สุกช้า ไวน์มีความหรูหราพร้อมด้วยแทนนินชั้นดี ซึ่งคงอยู่ได้ตั้งแต่เยาว์วัย

Red Bordeaux

Red Bordeaux สามารถขึ้นมาเป็น Wine ระดับโลกได้จากเอกลักษณ์ของเมืองด้วย Bordeaux Blend ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ด้วยการผสมผสานขององุ่นต่าง ๆ ที่ปลูกขึ้นในเมือง เพื่อให้เกิดรสชาติไวน์อันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละไร่องุ่นนั้น ๆ ซึ่งการใช้องุ่นจะแตกต่างกันตามพื้นที่ โดยสามารถแบ่งจากพื้นที่ได้เป็น 2 ฝั่งคือ ฝั่งซ้ายของบอร์กโดซ์ และ ฝั่งขวาของบอร์กโดซ์

รสชาติของไวน์บอร์กโดซ์จากฝั่งซ้าย จะใช้องุ่น Cabernet Sauvignon เป็นส่วนใหญ่ ตามด้วย Merlot, Petit Verdot, Cabernet Franc และ Malbec รสชาติของไวน์บอร์กโดซ์จากฝั่งซ้ายให้กลิ่นผลไม้และรสชาติของแคสซิส แบล็คเบอร์รี่ ดาร์กเชอร์รี่ วานิลลา เชอร์รี่ดำ เมล็ดกาแฟ เครื่องเทศ และชะเอมเทศ ไวน์มักจะมีความเข้มข้น ทรงพลัง แน่นหนา และมีแทนนินสูง ขึ้นอยู่กับไวน์ชนิดใดชนิดหนึ่ง ซึ่งถือได้ว่าเป็นไวน์ที่ค่อนข้างบาลานซ์

รสชาติของไวน์บอร์กโดซ์จากฝั่งขวา นั้นแตกต่างออกไป เนื่องจากองุ่น Merlot Merlot เป็นองุ่นที่สำคัญที่สุดในฝั่งขวา รองลงมาคือ Cabernet Franc เมื่ออายุองุ่นยังน้อย รสชาติของไวน์บอร์กโดซ์จากฝั่งขวา จะให้รสชาติ ชะเอมเทศ ช็อคโกแลต เชอร์รี่ดำ พลัม แบล็คเบอร์รี่ เครื่องเทศ วานิลลา ควัน ดอกไม้ บลูเบอร์รี่ และแยม ที่มีลักษณะเฉพาะตัว และความรู้สึก ไวน์ที่มีส่วนผสมของ Merlot จะมีความเป็นกรดต่ำกว่า Cabernet Sauvignon นั่นหมายความว่าไวน์จะเข้มข้นขึ้น นุ่มขึ้น ละมุนและกลมกล่อมมากขึ้น

Red Wine Bordeaux

White Bordeaux

White Bordeaux แม้จะมีสัดส่วนการผลิตที่น้อยเมื่อเทียบกับการผลิตของไวน์แดงที่มีจำนวนมหาศาล แต่ไวน์ขาวของเมือง Bordeaux ก็สามารถครองใจคอไวน์ขาวได้ ด้วยองุ่น 2 ชนิดที่ใช้ในการผลิตหลัก ๆ ได้แก่ Sauvignon Blanc และ Sémillon และบางที่อาจมีการเลือกใช้ Sauvignon, Gris และ Muscadelle บ้าง ซึ่งจะได้รสหอมหวานของผลไม้ที่เบา หรือรสที่เข้มข้นเต็มคำ ไม่หวานเกินไป ไม่ฝาดจนเกินไป ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ปลูก

รสชาติของไวน์ขาวบอร์กโดซ์ จะให้รสชาติและคุณลักษณะที่หลากหลายซึ่งรวมถึงกลิ่นของมะนาวสด เปลือกส้ม ดอกไม้ เครื่องเทศ น้ำผึ้ง ส้ม มะนาว เกรปฟรุต เนย และวานิลลา ซึ่งอาจพบส่วนประกอบของสมุนไพร ไขมะนาว และหญ้าอีกด้วย ไวน์ขาวบอร์โดซ์ที่ดีที่สุดจะมีความเข้มข้น ลึก เข้มข้น และทรงพลัง โดยจะให้ความสดชื่น และ เมื่อไวน์ขาวบอร์กโดซ์มีอายุมากขึ้น กลิ่นจะมีกลิ่นที่ซับซ้อนมากขึ้นของน้ำผึ้ง ดอกไม้ ส้ม เครื่องเทศ และหิน แม้ว่าไวน์ขาวบอร์กโดซ์จะมีการผลิตในหลายชื่อ แต่ไวน์ขาวบอร์โดซ์ชั้นนำนั้นมาจาก

White Wine Bordeaux

แม้ว่าจะอยากรู้รสชาติของแค่ไหนก็ต้องบอกได้เลยว่าต้องลองด้วยตัวเองเท่านั้น เพราะว่ามีความ Unique ในของตัวเอง ที่ในแต่ละขวดจะได้รับต่างรสชาติ ต่างประสบการณ์การดื่มที่ไม่ซ้ำกัน เนื่องจากทุกขวดนั้นล้วนถูกคัดสรร กลั่นกรองมาจากเอกลักษณ์ของในแต่ละพื้นที่ และส่วนใหญ่นั้นมักจะมีการบ่มหมักในถังไม้โอ้ค  และเมื่อได้นำเข้ามาในประเทศไทยแล้ว มักจะมีอายุที่พอสมควรแล้ว หากต้องการที่จะดื่ม จึงอยากแนะนำให้ทำการเปิดทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงก่อน เพื่อให้ไวน์ได้พักและแสดงศักยภาพของไวน์ออกมาได้ดีที่สุด ซึ่งถ้าใครที่ได้ลิ้มลองรสชาติของไวน์แดงหรือไวน์ขาวบอร์โดซ์ ก็จะต้องติดใจกับรสชาติและประสบการณ์อันยอดเยี่ยม ที่แต่ละโรงผลิตไวน์สร้างสรรค์อย่างพิถีพิถันในทุกขั้นตอนเพื่อไวน์สุดพิเศษ

ซึ่งถ้าหากมีการเก็บที่ดี จะสามารถเก็บได้ถึงประมาณ 10 ปี ซึ่งบางขวดอาจถือได้ว่าเป็นการลงทุนอีกอีกต่อ เนื่องจากจะสามารถเพิ่มมูลค่าในตัวไวน์ได้ เพราะหากมีการเก็บที่ดี จะทำให้ไวน์มีคุณภาพที่ดีขึ้น จนส่งผลให้มีราคาที่สูงขึ้นอีกด้วย

Bordeaux Vineyard

🍷 บทความเรื่องไวน์
โดย 
  Liquid Library

🍷 แนะนำร้านโอมากาเสะ
  Ichika Omakase

Posted in Wine Library