จากไวน์ที่มีหลากหลายชนิด มีคาแรคเตอร์ที่แตกต่างกันออกไป ในเรื่องรสชาติของไวน์นั้น นอกจากจะขึ้นอยู่กับการหมักบ่มและการเก็บรักษาอย่างถูกต้อง ยังขึ้นอยู่กับแก้วไวน์อีกด้วย จึงทำให้ต้องมี แก้วไวน์ ที่หลากหลายชนิด เพื่อตอบรับให้เหมาะสมกับไวน์ในแต่ละชนิด และแน่นอนว่าส่งผลต่อการดื่มไวน์ ซึ่งทำให้ไวน์ได้แสดงรสชาติ และเผยคุณสมบัติของไวน์ให้ออกมาได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ บอดี้ (Body), อโรม่า (Aroma), รสสัมผัส (Palate) หรือการหายใจ (Oxidation) เป็นต้น แก้วไวน์ จึงมีความสำคัญ
แม้ว่าเรื่อง แก้วไวน์ส่ง ผลถึงรสชาติจะดูแปลกใจ ว่าจริงไหม แต่ในความจริงนั้นส่งผลจริง ซึ่งจะมีเหตุผลต่างกันออกไปในไวน์แต่ละชนิด โดยแก้วไวน์นั้นประกอบไปด้วย ก้านแก้ว, ตัวแก้ว, ขอบแก้ว และ ฐานแก้ว ซึ่งส่วนประกอบที่ส่งผลต่อรสชาติคือ ตัวแก้วและขอบแก้ว จึงต้องเลือกแก้วไวน์ให้ถูกต้อง เพื่อช่วยให้การดื่มไวน์มีรสชาติที่ดีมากยิ่งขึ้น
แก้วไวน์แดง

แก้วไวน์แดง จะมีตัวแก้วอ้วนและกลม ปากแก้วกว้าง สำหรับเพิ่มพื้นที่ให้อากาศสามารถเข้าไปทำปฏิกิริยาออกซิไดซ์กับไวน์ที่อยู่ภายในแก้วได้ ซึ่งจะช่วยให้ไวน์แดงมีรสชาตินุ่ม ละมุน ดื่มง่ายขึ้น เพราะโดยปกติไวน์แดงจะมีคุณสมบัติจำเพาะ คือ รสชาติเข้มข้น และมีความซับซ้อน ซึ่งมีคาแรคเตอร์เฉพาะตัวอยู่แล้ว
แก้วสำหรับไวน์แดง มีหลายประเภทดังนี้
1. แก้วกรองด์ครู (Grand Cru) สำหรับไวน์แดงแบบเข้มข้น (Full-Bodies) หรือไวน์แดงที่หมักบ่มเอาไว้เป็นเวลานาน (Long-aged wine)
2. แก้วคาบาเน่ (Cabernet) และ แก้วบอร์โดขนาดใหญ่ (Large Bordeaux) สามารถใช้ได้กับไวน์แทบทุกชนิด ยกเว้นไวน์ที่มีรสชาติอ่อน (Light-Bodies)
3. แก้วพิโนนัวร์ (Pinot Noir) และ แก้วเบอร์กันดี (Burgundy) เหมาะกับไวน์แบบ Light-Bodies ไปจนถึง Mudium-Bodies ช่วยให้กลิ่นอ่อนๆ ของไวน์อบอวลอยู่ในแก้วได้นานขึ้น
แก้วไวน์ขาว
แก้วไวน์ขาว มีลักษณะไม่ต่างจากแก้วไวน์แดงมากนัก ตัวแก้วเป็นรูปตัวยู สูง และปากแก้วแคบกว่าแก้วไวน์แดงเล็กน้อย เพราะไวน์ขาวไม่จำเป็นต้องใช้อากาศมาทำปฏิกิริยาออกซิไดซ์ ลักษณะของแก้วรูปตัวยูปากแคบ ยังช่วยเก็บรักษาความเย็น และทำให้กลิ่น หรืออโรม่าของไวน์ขาวคลุ้งอบอวลอยู่ในแก้วได้นานกว่าอีกด้วย
แก้วไวน์ขาวมีด้วยกัน 2 ชนิด คือ
- แก้วโซวิญองบลอง (Seuvignon Blanc) สำหรับไวน์ขาวรสชาติอ่อนๆ (Light-wine)
- แก้วชาร์ดอเน่ / ชาร์โดเนย์ (Chardonnay) เหมาะกับไวน์ขาวเข้มข้น (Full-Bodies)

แก้วไวน์โรเซ่

แก้วไวน์โรเซ่ เป็นไวน์ที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ และรสชาตินุ่มละมุนเป็นเอกลักษณ์ แก้วไวน์สำหรับไวน์โรเซ่จึงมีตัวแก้วสูง ไม่เป็นกระเปาะกลม ปากแก้วแคบ คล้ายกับแก้วไวน์ขาว เพื่อไม่ให้อากาศไปทำปฏิกิริยากับไวน์จนทำลายกลิ่นหอม และรสชาติอ่อนๆ ของไวน์
แก้วไวน์โรเซ่มี 2 แบบ คือ
- Slight Taper Design สำหรับไวน์โรเซ่แบบเข้มข้น (Full-Bodies)
- Slight Flare Lip Design สำหรับไวน์โรเซ่รสชาติบางเบา (Light-Bodies)
แก้วสปาร์คกลิ้งไวน์
แก้วสปาร์คกลิ้งไวน์ หรือแก้วแชมเปญ มีตัวแก้วทรงยาว เพรียว และสูง ปากแก้วแคบ ช่วยปกป้องแชมเปญไม่ให้สัมผัสกับอากาศ เพื่อกักเก็บฟองอากาศและความซ่าเอาไว้ให้นานที่สุด ก้านแก้วมีความสูงมากกว่าแก้วชนิดอื่นๆ เพื่อป้องกันความร้อนจากมือ ซึ่งแชมเปญมักเสิร์ฟแบบแช่เย็น

แก้วไวน์หวาน

ไวน์หวานเป็นไวน์สำหรับทานคู่กับขนมหวาน และเค้ก มีปริมาณแอลกอฮอล์ค่อนข้างสูง แก้วสำหรับไวน์หวานขึ้นอยู่กับชนิดของไวน์หวานที่ดื่ม หากเป็นไวน์หวานที่มีปริมาณแอลกอฮอล์สูงและมีรสชาติหวานมาก ก็ควรใช้แก้วไวน์หวานที่มีปากแก้วแคบ เพื่อไม่ให้รสชาติของไวน์หวานจนเกินไป หรือว่ายิ่งแอลกอฮอล์มาก ก็ยิ่งควรใช้แก้วไวน์ปากแคบนั่นเอง แก้วไวน์หวาน เช่น แก้วแกรปป้า (Grappa glass) และ แก้วเซี่ยงไฮ้ โซล ลิเคียว (Shanghai Soul Liqueur)
นอกจากแก้วไวน์ทีไ่ด้กล่าวมานั้น ยังมีแก้วไวน์อีกหลายประเภท สำหรับองุ่นแต่ละสายพันธุ์ เพื่อให้ได้แสดงประสิทธิภาพได้มากที่สุด แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของแก้วไวน์ ถ้าหากยังมองหาแก้วไวน์ของคุณอยู่ ทาง Liquid Library พร้อมที่จะช่วยเหลือเพื่ออรรถรสในการดื่มไวน์ของคอไวน์ทุกท่าน
หลังจากที่ได้ทราบถึงประเภทของไวน์ในแต่ละชนิดแล้ว ถ้าหากอยากทราบที่ลึกกว่านั้น โดยการชิมสามารถติดต่อสอบถาม หรือหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็ปไซต์ Liquid Library หรือช่องทาง Social Media อื่น ๆ ได้เช่นกันครับFacebook : Liquid Library
Instargram : liquidlibrary.info