เมื่อได้เดินเข้าร้านไวน์ เพื่อหาไวน์สักขวด ท่ามกลางขวดไวน์มากมายภายในร้าน เราจะสามารถแยกแยะไวน์แต่ละขวดได้อย่างไร ซึ่งสิ่งที่สามารถช่วยให้แยกแยะได้ง่าย และ บ่งบอกลักษณะของไวน์ได้ คือ ฉลากไวน์
และแน่นอนว่าฉลากไม่ได้เหมือนกันทั้งหมด สิ่งหนึ่งที่ควรทราบก็คือทุก ๆ ประเทศนั้นจะมีรูปแบบของฉลากไวน์เป็นเอกลักษณ์ของประเทศตนเอง และไม่มีมาตรฐานสากลสำหรับฉลากไวน์ ตัวอย่างเช่น ไวน์โลกใหม่ (ทุกที่ ยกเว้นยุโรป) สายพันธุ์ขององุ่นจะถูกระบุไว้บนขวด ในขณะที่ไวน์ยุโรปมักจะมีเพียงชื่อแหล่งผลิตระบุไว้เท่านั้น คุณต้องรู้ว่าองุ่นชนิดใดที่ปลูกในแถบภูมิภาคนั้น หรือในไร่องุ่นเหล่านั้น เพื่อที่จะได้รู้ว่าไวน์ในขวดนั้นเป็นไวน์ชนิดใด อย่างไรก็ตาม มีองค์ประกอบของฉลากบางอย่างที่จะปรากฏอยู่บนฉลากไวน์ทุกฉลาก เพียงแค่คุณสามารถอ่านฉลากไวน์ได้คุณก็จะสามารถหาไวน์ที่ต้องการ และถูกใจคุณได้
1. ชื่อไวน์ หรือ ยี่ห้อไวน์
ชื่อไวน์ หรือ ยี่ห้อไวน์ หลายครั้งชื่อเหล่านี้จะมาจาก ชื่อผู้ผลิต ชื่อโรงกลั่นไวน์ หรือ สถานที่แหว่งเพาะปลูก ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกเขียนด้วยตัวอักษรที่ใหญ่ และเด่นชัดที่สุด
2. ประเภทของไวน์
ดังที่ได้กล่าวว่า ไวน์โลกเก่า และ ไวน์โลกใหม่นั้น มีวิธีการระบุลงในฉลากที่แตกต่างกัน ในการระบุประเภทของไวน์ที่แตกต่างกันออกไป ไวน์โลกใหม่ จะระบุชนิดขององุ่นที่ใช้ เช่น ไวน์ที่ทำมาจากองุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon ก็จะระบุเลยว่า Cabernet Sauvignon ส่วนไวน์โลกเก่ามักจะใส่ชื่อสถานที่แหล่งผลิตที่มันถูกผลิตขึ้นมา ไวน์อาจถูกระบุในฉลากว่า Red Tuscan หรือ Crozes Hemitage ซึ่งผู้บริโภคจะต้องรู้ว่าองุ่นชนิดใดที่มีการใช้ในพื้นที่แคว้น Red Tuscan หรือ Crozes Hemitage ซึ่งภายในหลังได้มีการเปลี่ยนแปลง มีการให้ผู้ผลิตไวน์นั้นเพิ่มชื่อสายพันธุ์ขององุ่นลงบนฉลากของพวกเขา เพื่อให้สามารถเข้าใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้นสำหรับมือใหม่ แต่การเปลี่ยนแปลงยังไม่ได้มีการปฏิบัติกันอย่างเป็นทางการ ส่วนใหญ่จึงยังมีลักษณะเหมือนเดิม
3. แหล่งผลิตไวน์
บนขวดไวน์ส่วนใหญ่นั้นจะระบุประเทศที่ผลิต ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับไวน์ที่จะส่งออก และผู้ผลิตส่วนใหญ่ก็จะทำเช่นเดียวกันนี้ เพื่อให้เกิดความชัดเจน
ในส่วนของไวน์โลกใหม่ยังมีการตั้งชื่อที่ระบุถึงแหล่งผลิต และพื้นที่แหล่งผลิตไวน์ที่ทำการเพาะปลูกองุ่นแบบถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งอาจเป็นชื่อรัฐ จังหวัด หรือแม้แต่ตำบลเล็ก ๆ ก็ได้ ในประเทศสหรัฐอเมริกานั้น ถ้าหากบนฉลากไวน์มีชื่อแหล่งผลิตอยู่ นั่นหมายความว่าจะต้องมีองุ่นอย่างน้อย 85% ที่ใช้ในการทำไวน์นั้นมาจากสถานที่ตามชื่อที่ระบุไว้
ส่วนไวน์โลกเก่านั้น การระบุชื่อโดยทั่วไปจะเป็นการบ่งบอกถึงประเภทของไวน์ อย่างไรก็ตาม ชื่อตามแหล่งผลิตแต่ละชื่อนั้นจะมีระดับคุณภาพและข้อจำกัดด้านการผลิตไวน์ที่เกี่ยวข้องอยู่ ชื่อตามแหล่งผลิตที่เล็กที่สุดมักจะมีความเข้มงวดมากที่สุด โดยมีกฎระเบียบเกี่ยวกับชนิดขององุ่นที่จะต้องใช้ เปอร์เซ็นต์ขององุ่นแต่ละชนิดที่ใช้ในการผสม เทคนิคในการผลิตไวน์ที่ได้รับอนุญาต และระยะเวลาที่ใช้ในการบ่มก่อนที่จะวางจำหน่าย
4. การจัดอันดับของไวน์
ฉลากไวน์ของประเทศฝรั่งเศสอาจมีการระบุถึงการจัดอันดับของไวน์ หมายถึง อันดับที่ได้จากการจัดอันดับคุณภาพอย่างเป็นทางการของไวน์จากการตั้งชื่อตามแหล่งผลิต แบ่งได้หลายระดับ เช่น grand cru, premier cru เป็นต้น แต่จริง ๆ แล้วนี่ถือเป็นการบ่งบอกเฉพาะเจาะจงถึงไร่องุ่นต่าง ๆ ที่มีการผลิตไวน์ชั้นเลิศอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ในอดีต ซึ่งไวน์จากไร่องุ่นเหล่านี้ควรที่จะมีการระบุไว้บนฉลากว่าเป็นไวน์คุณภาพสูง ในประเทศยุโรปอื่น ๆ เช่น เยอรมนีหรืออิตาลีนั้นมีระบบการจัดอันดับอย่างไม่เป็นทางการตามความมีชื่อเสียงของไร่องุ่นหรือผู้ผลิต แต่ไม่มีการจัดอันดับแบบเป็นทางการที่ถูกการระบุบนฉลาก
5. ปีที่ผลิต
นี่คือปีที่องุ่นได้ถูกเก็บเกี่ยว โดยปกติแล้วปีที่ผลิตจะเห็นได้ชัดเจนอยู่บนฉลากด้านหน้า ไวน์บางชนิด เช่น แชมเปญ หรือ พอร์ทไวน์จะถูกผลิตขึ้นจากการผสมไวน์ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน และ จะไม่มีการระบุปีที่เก็บเกี่ยวไว้บนขวด ฉลากอาจระบุปีที่ไวน์ถูกบรรจุลงขวดแทน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าไวน์ทั้งหมดในขวดนั้นถูกผลิตขึ้นในปีดังกล่าว
6. ระดับแอลกอฮอล์
นี่เป็นข้อบ่งชี้ที่สำคัญถึงความแรงของไวน์ บ่งบอกถึงระดับแอลกอฮอล์ในไวน์โดยระบุเปอร์เซ็นต์ของปริมาตรทั้งหมด ซึ่งสามารถอยู่ในช่วงประมาณ 9 – 16% ขึ้นอยู่กับประเภทของไวน์ แหล่งเพาะปลูก ระดับน้ำตาล เป็นต้น สามารถพบอยู่บนฉลากด้านหลังหรือตามด้านข้างของฉลากด้านหน้า ไวน์แต่ละขวดจะต้องมีการระบุเพื่อแสดงระดับแอลกอฮอล์อย่างชัดเจนตามกฎหมายกำหนด
7. ส่วนประกอบอื่นๆ
ข้อมูลอื่น ๆ ที่อาจพบได้บนฉลากไวน์ เช่น สถานที่ในการบรรจุขวด คำเตือนจากรัฐบาลเกี่ยวกับการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ข้อมูลผู้นำเข้า ข้อมูลการจับคู่ไวน์กับอาหารต่าง ๆ คำอธิบายเกี่ยวกับไวน์ เป็นต้น
การทราบถึงวิธีการอ่านฉลาก ช่วยให้คุณสามารถเลือกไวน์ที่คุณต้องการได้ตามความชื่นชอบ แม้ว่าการอ่านฉลากจะยุ่งยาก เนื่องจากฉลากที่แตกต่างกันระหว่างไวน์โลกเก่า ไวน์โลกใหม่ ที่อาจทำให้มีความสับสน Liquid Library พร้อมที่จะให้คำแนะนำให้เหล่าคอไวน์ทุกท่าน จนได้สไตล์ไวน์ที่ถูกปากมากที่สุด ถ้าหากต้องการหาไวน์ สามารถติดต่อทาง Liquid Library ได้ทุกช่องทาง
หลังจากที่ได้ทราบถึงวิธีการอ่าน ฉลากไวน์ แล้ว หากต้องการเลือกไวน์ หรือหาข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเข้าได้ที่เว็ปไซต์ Liquid Library หรือช่องทาง Social Media อื่น ๆ ได้เช่นกันครับ
Facebook : Liquid Library
Instargram : liquidlibrary.info